รีวิวงานแต่งไซส์เล็ก น่ารักในธีม Daisy กับพิธีเรียบง่าย ได้ใจแขก @Le Méridien Bangkok

Le Méridien Bangkok โรงแรมแพ็กเกจคุ้มค่า ห้องบอลรูมขนาดกำลังดี ตกแต่งสวยหรูโมเดิร์น ได้ความเป็นส่วนตัว

       บิวกับพี่ตี๋ (เจ้าบ่าว) ลิสต์และไปดูโรงแรมมากว่า 10 ที่ ถึงจะเจอที่ตอบโจทย์และถูกใจ นั่นคือ Le Méridien Bangkok (เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ) ค่ะ เพราะราคาอยู่ในงบที่ตั้งไว้ อีกทั้งโถงรับรองและห้อง The Atelier Hall ได้ความเป็นส่วนตัว เพราะเขาให้พื้นที่จัดงานเราทั้งชั้น ไม่ปะปนกับงานอื่น ด้วยขนาดพอเหมาะกับจำนวนแขกที่ตั้งใจเชิญประมาณ 150 ท่าน ช่วยให้ไม่ดูโหรงเหรงไป รวมถึงมุมทางเดินกระจกก็สวยถูกใจค่ะ อีกเหตุผลสำคัญที่เลือกที่นี่ก็คือ คุณโบ เซลล์ของโรงแรม ที่ประทับใจตั้งแต่แรกเจอ เพราะคุยง่าย เวลาเราขอความเห็น หรือขอยืดหยุ่นเงื่อนไขอะไร เขาเต็มใจช่วยทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ

เนรมิตงานแต่งให้สดใสในธีม Colorful Daisy  

       บิวชอบดอกเดซี่ค่ะ เลยยึดมาเป็นธีมตกแต่งหลัก ผสานไปกับสีคัลเลอร์ฟูล และนับเป็นความโชคดีที่เราได้ชุดแต่งงานปักลายดอกเดซี่มาด้วย เนื่องจากมีเจ้าสาวสั่งตัดเช่าไว้ก่อนหน้าพอดี เราจึงมีโอกาสได้ใส่ชุดนี้และยิ่งดูเข้าธีมมากขึ้นค่ะ

       การตกแต่งในงาน เราวางภาพบ่าวสาวเรียงไว้ตรงสะพานแก้วค่ะ ถัดไปจะเป็นโต๊ะลงทะเบียน และแบ็คดรอปถ่ายภาพที่มีกิมมิกขนาดฉากกว้างเป็นพิเศษ เพื่อให้ลงล็อกเต็มพื้นที่เสมือนเป็นผนังของโรงแรมไปเลยค่ะ

       ส่วนในห้องบอลรูม บนเวทีจะมีจอ LED พอดี เราจึงเลือกใช้โมชั่นกราฟิกลายดอกไม้และชื่อบ่าวสาวฉายตลอดทั้งงานค่ะ ด้านข้างจอตกแต่งด้วยพุ่มดอกไม้หลากสี รวมกับ Flower Stand ที่โรงแรมมีให้ค่ะ

พิธีน้อย เน้นชิล ๆ สบาย ๆ ได้ทักทายแขกครบถ้วน

       เหตุผลที่เราจัดงานแต่ง เพราะครอบครัวอยากให้จัดงานที่เป็นทางการ ส่วนเรื่องพิธีการ ท่านปล่อยให้เราตัดสินใจได้เลยค่ะ เราจึงออกแบบคิวงานเองว่าจะตัดพิธีอะไรออกไปบ้าง ด้วยไลฟ์สไตล์ของเราสองคนชิลมาก งานแต่งเลยเรียบง่ายสุด ๆ เมื่อแขกมาถึงก็ลงทะเบียนและรับของชำร่วยเป็นเจลล้างมือ โดยจุดนี้ เราเพิ่มกิมมิกน่ารัก ๆ ด้วยการนำโปสการ์ดลายดิสนีย์มาให้แขกเขียนอวยพรค่ะ เพราะส่วนตัวชอบดิสนีย์มาก และเชื่อมโยงกับความทรงจำดี ๆ ที่พี่ตี๋ขอบิวแต่งงานที่ดิสนีย์แลนด์ด้วยค่ะ

       พิธีการเริ่มตั้งแต่เช้า โดยเราไม่มีแห่ขันหมากค่ะ คิวแรกเป็นพี่ตี๋ไปเจรจาสู่ขอกับผู้ใหญ่ และมารับตัวบิวที่นั่งรออยู่บริเวณระเบียงชั้นลอยค่ะ จากนั้นเราลงไปทำพิธีสวมแหวนและรับไหว้ก็เสร็จสิ้นพิธีค่ะ  

       เรามีอีกโมเมนต์น่ารัก ๆ เนื่องจากคิวงานไม่มีโยนดอกไม้ แต่เพื่อนสนิทบิวอยากได้ช่อดอกไม้ เราก็เลยโยนเล่น ๆ เพื่อให้พี่ตากล้องเก็บภาพและได้ฟีลมากขึ้นค่ะ จะเห็นได้ว่า พอพิธีน้อย เราเลยมีเวลาไปทักทายและถ่ายรูปกับแขกตามโต๊ะได้มากขึ้น รวมถึงเก็บตกที่แบ็คดรอปถ่ายภาพแบบไม่เร่งรีบด้วยค่ะ

       งานของเราแขกยังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้อย่างเต็มที่ โดยเลือกบุฟเฟ่ต์ที่เน้นเมนูไทย อย่างเช่น เมี่ยงปลากระพง กุ้งลายเสือ ลาบทอด ข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งเราจัดแบบโต๊ะกลมให้แขกมีที่นั่งครบทุกคน แต่ขณะเดียวกันก็มีโต๊ะค็อกเทลไว้บริเวณ Foyer เผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ  

        เรื่องรสชาติอาหารก็ทำเราประทับใจมากเหมือนกัน เพราะแขกชมเพียบว่าทั้งอร่อยและปริมาณเยอะ โดยเฉพาะเมี่ยงปลากระพงแขกชอบเป็นพิเศษเลยค่ะ

บ่าวสาวปลื้มจัดงานในสไตล์ตัวเอง สบาย ๆ แต่ได้ใจแขกเพียบ

      เรายอมรับว่าตอนแรกก็มีกังวลค่ะ ว่างานแต่งเราพิธีน้อยไปไหม แขกจะชอบรึเปล่า แต่พอจบงาน เราดีใจที่คิดถูก แขกส่วนใหญ่ต่างพูดตรงกันว่าเป็นงานขนาดเล็กที่อบอุ่น เรียบง่าย พิธีน้อย แถมแต่ละพิธีไม่ต้องรอนาน ทำให้แขกรู้สึกไม่เบื่อและเป็นกันเองสุด ๆ ค่ะ

       เรียกว่าทุกสิ่งที่เลือกมาโอเคทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งที่เป็นไปอย่างต้องการ ทีมช่างภาพ ช่างแต่งหน้า รันคิว ไปจนถึงโรงแรมค่ะ เราประทับใจทั้งตัวโรงแรมที่สวย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ คุณโบเองก็น่ารัก คอยช่วยเหลือเราตั้งแต่ช่วงเตรียมงานไปจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะ

คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว

พิธีน้อยแค่ไหน ออแกไนซ์-รันคิวก็ยังสำคัญ : ไม่ว่างานจะมีพิธีน้อยแค่ไหนก็ตาม ออแกไนซ์ รันคิวก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะช่วยลดความวุ่นวายในงานได้ รวมถึงคอยดูแลอุปกรณ์ รายละเอียดส่วนต่าง ๆ ในพิธีแทนบ่าวสาว ทำให้ทุกพิธีออกมาตาม Sequence ที่วางไว้

ควรเลือกช่างภาพที่ส่งงานเร็ว : หลังจบงาน บ่าวสาวย่อมอยากได้รูปไว ๆ เพื่อดูบรรยากาศและโมเมนต์ต่าง ๆ หรืออยากส่งให้ญาติ เพื่อนสนิท ฉะนั้นก่อนเลือกช่างภาพ ให้ลองสอบถามว่ามีกำหนดส่งภาพทั้งหมดเมื่อไร หรือมีภาพไฮไลท์ให้ก่อนหรือเปล่า

ดูรีวิวและผลงานช่างแต่งหน้าให้เยอะ : ควรดูผลงานของช่างแต่งหน้าว่าถนัดสไตล์ไหน อีกทั้งดูรีวิวจากเจ้าสาวจริง ๆ ว่าช่างแต่งหน้าโดนตำหนิเรื่องเวลาบ้างไหม เพราะจะพาลทำให้ทุกอย่างล่าช้าได้

อย่าเพิ่งมัดจำก่อนลองชุด : เวลาหาชุดแต่งงานผ่านโซเชียลมีเดีย หรือเห็นรีวิวแล้วสวยมาก อยากให้ใจเย็น ๆ เพราะหากจ่ายมัดจำแล้วไปดูที่ร้านอาจไม่ตรงปกก็ได้ ถ้าสนใจควรนัดไปลองชุดจริง แม้ว่าต้องเสียค่าลอง แต่ก็ยังดีกว่า เพราะมีโอกาสได้ชุดที่ใช่

Photographer : Drunkphoto