รีวิวงานแต่ง Modern Luxury จากดวงดาวสู่ธีมงานสุดโรแมนติก @Capella Bangkok

Capella Bangkok สถานที่จัดงานแต่งงานสวยหรู มาพร้อม Service Mind ที่ประทับใจตั้งแต่แรก

       พอได้ฤกษ์แต่งงานมา ฮิมกับมีน (เจ้าสาว) ก็มองหาสถานที่แต่งงานทันที เราตระเวนดูหลายแห่งมากครับ และวันหนึ่งบังเอิญเห็น Capella Bangkok (โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ) ก็เลย Walk-in เข้าไป ซึ่งเป็นจุดที่ประทับใจครับ เพราะพนักงานที่เราพบบริการดีมาก ตั้งแต่ Door Man พนักงานต้อนรับ ไปจนถึง Sales ที่พาชมสถานที่จัดงานเบื้องต้น ก่อนจะส่งให้คุณแพตตี้รับช่วงต่อ แม้ว่าเราไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า แต่โรงแรมก็ใส่ใจ พร้อมแนะนําและช่วยเหลือเต็มที่ครับ 
       เราชอบห้อง Ballroom ที่เพดานสูง มี Chandelier รูปผีเสื้อเป็น Signature Courtyard สวยสบายตา ด้วยบริการที่น่าประทับใจ ความสวยของสถานที่ ตลอดจน Location ริมแม่น้ําเจ้าพระยา จึงเป็นเหตุผลที่เราเลือกจัดงานที่นี่ครับ

จากหมู่ดาวบนท้องฟ้า สู่ธีมงานสวย Modern

       คู่เราได้ฤกษ์จัดงานแบบไม่สามารถนอนพักค้างคืนที่โรงแรมได้ ทำให้ต้องจัดพิธีหมั้นเช้า เลี้ยงฉลองช่วงเที่ยง และ After Party ในช่วงเย็นครับ  

       ส่วนธีมงาน Main Idea มาจากเราสองคนเคยนอนดูดาวด้วยกัน แล้วท้องฟ้าคืนนั้นมีดาวประจําราศีของเราสองคน รวมถึงหมู่ดาว Capella ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุด ทั้งยังตรงกับชื่อของโรงแรมพอดี เราจึงหยิบมาเป็น Theme ตกแต่งหลัก ตั้งแต่การ์ดเชิญลายดวงดาวที่มีนออกแบบเอง โดยเราเลือกเป็น Theme สีม่วงและสีชมพู เพราะเป็นสีที่เราสองคนชอบครับ

       ส่วนการตกแต่ง เราคุยกับทีม Phka Studio ว่าอยากให้งานสื่อถึงดวงดาว แต่ถ้าใช้รูปดาวห้าแฉกอาจดูไม่ Modern ครับเลยปรับเปลี่ยนรูปทรงเป็นวงกลม แล้วเติมความเป็นตัวตนของ เราเข้าไปด้วยการใช้กระดาษลูกฟูกที่มาจากธุรกิจครอบครัว ซึ่ง Design วงกลมนี้จะนําไปสอดแทรกยังส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่จุดรับตัวเจ้าสาว มุม Gallery ไปจนถึง Backdrop ที่ตกแต่งดอกไม้ เติมดวงไฟให้ดูสว่าง และจัดเรียงวงกลมซ้อนกันเป็นแนวตั้ง ล้อไปกับฉากที่เลือกทําแบบสูงจรดเพดาน เพื่อให้ดู Grand และเข้ากับ Chandelier ผีเสื้อของโรงแรมด้วยครับ

       ภายในห้อง Ballroom ยังคงตกแต่งด้วยไฟดวงกลม รูปวงกลม ดอกไม้โทนสีม่วงและชมพู เพียงแต่จัดวางต่างกัน และ ฉากด้านในจะเน้นความกว้างกว่าด้านนอกครับ

งานงดงามพร้อมพิธีการครบรส อบอุ่น สนุก และหวานซึ้ง

         พอเราทำพิธีหมั้นและฉลองต่อเนื่องกัน จึงจัดงานในห้องเดียวกันครับ โดยช่วงงานหมั้นจัดอาหารให้แขกเป็น Coffee Break และซุ้มอาหารติ่มซำครับ พิธีการเริ่มด้วยการแห่ขันหมาก ผ่านประตูเงิน ประตูทอง และผมจะไปเจรจาสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ก่อน จากนั้นไปรับตัวมีนมาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ยกน้ำชา และส่งตัวครับ

       สําหรับงานเลี้ยงฉลอง แขกเข้ามาจะเจอโต๊ะลงทะเบียนเพื่อเขียนอวยพรพร้อมรับของชําร่วยที่เป็นแผ่นหอม จากนี้แขก ส่วนใหญ่จะมุ่งไปถ่ายรูปตรง Photobooth กันต่อ พอพวกเราลงมาแขกก็ทยอยมาถ่ายรูปกันตรง Backdrop เมื่อได้เวลาแล้ว ผมจะเข้าไปรอในห้อง Ballroom ในขณะที่มีนเปิดตัวเข้ามาพร้อมคุณพ่อคุณแม่ครับ ซึ่งผมจะเดินไปรับมีนตรงกลางห้อง ผ่านเพื่อนที่โปรย Glitter จังหวะนี้มีวงดนตรี Trio Band มาสร้างเสียงเพลงให้บรรยากาศดูอบอุ่นยิ่งขึ้นด้วยครับ

       บรรยากาศบนเวที เราได้ประธาน ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เราสนิทและคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ๆ กล่าวคำอวยพร ตามด้วยเพื่อนพูด Speech ทั้งฝั่งเจ้าบ่าว 3 ท่านและเจ้าสาว 3 ท่านครับ ต่อด้วยเราพูดถึงกันและกันนิดหน่อย ขอบคุณแขก และเข้าสู่ช่วงตัดเค้ก ซึ่งเราทั้งคู่ประทับใจคุณแพตตี้และโรงแรมที่ใส่ใจรายละเอียด โดยการเลือกตกแต่งเค้กเป็นรูปดาวตาม Theme งานด้วยครับ เรียบร้อยแล้วก็โยนดอกไม้ปิดท้าย ก่อนเข้าสู่ After Party ครับ

       อาหารในงานเลี้ยงฉลองมีทั้ง Cocktail และซุ้มอาหารนานาชาติ เราเลือกเมนูผสมผสานไทย ฝรั่ง จีน และญี่ปุ่น ซึ่งคุณแพตตี้นําประสบการณ์เรื่องการจัดงานแต่งมาแนะนําถึงปริมาณและวิธีเลือกเมนูอาหาร ทําให้แขกอิ่มท้องกันจริง ๆครับ โดยเฉพาะข้าวขาหมู Sushi Tempura Soba และ Beef Wellington แขกชมและชอบกันมากครับ

       มาถึง After Party เราไปเปลี่ยนชุดและกลับเข้ามาด้วยการวิ่งพร้อมกับเพื่อน ๆ ที่เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดที่เราจัดเตรียมไว้ให้ครับ โดยมี Beer และ Soju Bomb สําหรับเปิดตัวตรงหน้าเวที โดยเรามีวงดนตรีสุดที่ชอบตั้งแต่ตอนเขาเล่นในงานแต่งพี่ชายมาช่วยสร้างความสนุกสนานครับ

       ช่วงนี้เรามี Highlight คือ การนําซุ้มอาหารเข้ามาเพิ่ม มีทั้งบะหมี่ต้มยําปรุงสดและไก่ทอดซอสเกาหลี นับเป็นสีสันได้ดีเพราะเพื่อน ๆ นั่งทานกันจริงจังจนลืมเมาไปเลยครับ

วันสำคัญครั้งเดียวในชีวิตที่เต็มไปด้วยความทรงจำล้ำค่า

       พอเรามีโอกาสสัมภาษณ์รีวิวงานแต่ง ทำให้ความทรงจำวันนั้นย้อนกลับมา พอนึกถึง Moment ต่าง ๆ ก็มีแต่เรื่อง Happy ยิ้มได้ตลอด จนมีนเขาชอบบอกผมว่า อยากจะจัดงานแต่งทุกเดือนเลยครับ แม้ว่าช่วงเตรียมงานจะเหนื่อย แต่การทำงานด้วยกันทำให้เรารู้จักอดทน เพื่อให้ผ่านทุกอุปสรรค รวมถึงทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น และถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่พอเห็นงานจริง บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก และวันนั้น มีนสวยมาก ๆ เลยครับ  

       เราคิดถูกที่เลือกจัดทั้งงานหมั้น งานฉลอง และ Party เพราะได้ครบทุกความรู้สึก มีความสุข อบอุ่น ซาบซึ้งใจ สนุกสนาน มีแต่ความทรงจำดี ๆ ร่วมกันครับ

       เราชอบ Vendor ทุกทีม ตั้งแต่พิธีกรที่เป็นมืออาชีพ เขาทำเกินหน้าที่มากครับ เพื่อช่วยให้งานเรา Flow ขึ้น สำหรับวงดนตรีก็มีแต่คนชมว่าร้องเพลงเพราะ Entertain ดี ช่วยสร้างบรรยากาศในงานให้ดูอบอุ่นครับ

       สำหรับโรงแรม สิ่งสำคัญที่เรายังประทับใจไม่หาย คือ Service Mind ของพนักงาน ทุกคนมีใจรักการบริการจริง ๆ ครับ หลังจบงานแต่ง เราไปทานข้าวและทำ Spa พนักงานต้อนรับที่เป็น Human Signage ยังจำชื่อของพวกเราได้ด้วยครับ ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่มาโรงแรมนี้ครับ

คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว

ขั้นตอนเลือกสถานที่แต่งงานสำคัญมาก : หลังจากได้ฤกษ์แล้ว อยากให้บ่าวสาวรีบเลือกสถานที่ก่อนที่จะเต็ม ซึ่งการได้สถานที่ดีและสวยงามจะเป็นตัวกำหนด Mood & Tone ของงานแต่งได้อีกด้วย

คุยกับ Vendor ให้เยอะ ก่อนการเลือก เพื่อความสบายใจของบ่าวสาว : ก่อนเลือกใช้บริการทีมงานเจ้าใดก็ตาม อยากให้พูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันให้มากที่สุด ยิ่งได้คุยกันมากเท่าไหร่ จะทำให้เห็น Style การทำงาน และรู้ความรู้สึกตัวเองว่าสบายใจมากน้อยแค่ไหนที่จะได้ร่วมงานกับทีมนั้น ๆ  

ช่างภาพเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุน : หากบ่าวสาวมีงบมากพอ การจ้างช่างภาพหลายทีมก็นับว่าคุ้มค่า เพราะแต่ละทีมจะมี Style และมุมมองต่างกัน ทำให้เราได้ภาพครอบคลุมและหลากหลาย เมื่อเราย้อนกลับมาดูจะมีความสุขและช่วยย้ำเตือนเรื่องราวดี ๆ ในวันนั้น

บ่าวสาวจับมือกันให้แน่น : เป็นเรื่องปกติที่บ่าวสาวจะเห็นไม่ตรงกัน ให้พยายามนึกไว้เสมอว่าการแต่งงานเป็นงานที่เราควรมีความสุข หากเกิดการทะเลาะ ต้องรีบหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาแห่งอุปสรรคไปให้ได้

Photographer : VINZCandid, Kachakanong