“ไม่มีดอกไม้เลยก็ยังได้นะ” จากคำพูดของบ่าวสาว ได้ทลายกรอบในการออกแบบงานแต่ง จนกลายมาเป็นงานสวยล้ำ ไม่ซ้ำใคร ซ่อนความหมายการพบกันของดวงดาว
ด้วยความที่คุณเค (เจ้าบ่าว) เป็นสถาปนิก ส่วนคุณมิ้นท์ (เจ้าสาว) เป็น Jewelry Designer ทำแบรนด์เครื่องประดับจากคริสตัลควอทซ์ ซึ่งมีสตอรี่เกี่ยวกับดวงดาว เรียกว่าเป็นสายออกแบบทั้งคู่ค่ะ พอจะแต่งงาน ทั้งคู่เห็นตรงกันว่า อยากได้งานแปลกใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้ เพราะอยากให้ต่างจากงานอื่น รวมถึงพิธีน้อย แต่ขอมีกิจกรรมสนุก ๆ ค่ะ เมื่อมีสิ่งที่อยากได้ชัดเจน ทั้งคู่ก็เริ่มเตรียมงานโดยหาข้อมูล Wedding Planner และทีม Decoration เป็นอันดับแรก ๆ เพื่อให้ได้ทีมที่เข้าใจและสไตล์ตรงกันมากที่สุด
เลือกทีมที่ใช่ ช่วยให้ภาพในฝันออกมาเป็นความจริงได้
หลังจากมีคนรู้จักแนะนำ Mayday Wedding Planner มา คุณมิ้นท์ก็นัดพูดคุยกับคุณมนต์ และรู้สึกว่าเป็นกันเอง เข้าใจง่าย คลิกทั้งเรื่องสไตล์การทำงานและการพูดคุย รวมถึงประทับใจที่ทีมดูแลบ่าวสาวทุกงานเหมือนญาติสนิท ทำให้ตกลงใจเลือกที่นี่
อีกส่วนสำคัญคือทีมตกแต่ง คุณมิ้นท์มี Jeniva (เจนีว่า) อยู่ในใจ เพราะเคยจัดงานแต่งให้พี่สาว และเห็นผลงานที่ดูแปลกใหม่ ไม่เน้นหวาน ตรงกับความชอบ วันที่นัดเจอ ทางทีมยังทำ Mood Board มาเสนอไอเดีย ซึ่งจากข้อมูลและ Reference ที่บ่าวสาวให้ไป ไม่มี Wedding Decoration เลย แต่ทีมทำการบ้าน คิดคอนเซ็ปต์มาตรงใจมาก ทำสิ่งที่บ่าวสาวคิดไว้ให้ออกมาเป็นภาพได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่เลือกทีมนี้ค่ะ
เตรียมงานทีละขั้นตอน วางภาพใหญ่ ก่อนลงดีเทล
คู่นี้มีเวลาเตรียมงานเกือบ 1 ปีค่ะ ช่วงแรกหลังจากได้ Wedding Planner ก็หาสถานที่ จนได้ที่ Conrad Bangkok ซึ่งจุดเด่นคือมีจอ LED ขนาดใหญ่ ทางทีมตกแต่งก็มีการออกแบบ Motion Graphic ให้ รวมอยู่ในแพ็กเกจด้วยค่ะ
หลังจากได้เวนเดอร์ต่าง ๆ ครบแล้ว ก็มาใส่รายละเอียดในช่วง 5 เดือนหลัง ทั้งนัดชิมอาหาร สรุปภาพรวมกับโรงแรม ว่าลำดับงานเป็นอย่างไร ต้องใช้อะไรบ้าง พอก่อนงาน 2 เดือน ทางแพลนเนอร์จะมีการบ้านให้บ่าวสาวทำ เพื่อลงดีเทลซีเควนซ์ ทำสคริปต์ ระหว่างนั้นคุณมนต์ก็นัดคุยกับผู้ใหญ่ เล่าให้ฟังว่าทำพิธีอะไรบ้าง อย่างคู่นี้ต้องการตัดแห่ขันหมากออก ซึ่งคุยกับครอบครัวมาแล้ว ส่วนเรื่องพานสินสอดต่าง ๆ ยังคงมีอยู่ค่ะ
เมื่อพิธีการน้อย จะทำยังไงไม่ให้งานสั้นเกินไป ทั้งคู่เลยผุดกิจกรรมในงานขึ้นมาค่ะ เนื่องจากบ่าวสาวมีเพื่อนในแวดวงธุรกิจเยอะ เพื่อน ๆ ก็ช่วยสปอนเซอร์โปรดักส์มาให้เล่นเกม จึงคิดออกมาเป็นเกมสอยดาว กลายเป็นกิมมิกในงานด้วยค่ะ
ธีม ‘Celestial Mystique’ ยกดวงดาวทั้งจักรวาลมาไว้ในงาน ดอกไม้น้อยก็สวยได้
ไฮไลต์ของงานนี้อยู่ที่ฉากแบ็คดรอปสูง 4 เมตร ออกแบบโครงสร้างให้เป็นรูปทรงวงรี วางประกอบกัน เน้นโทนสีมิ้นท์ ตามชื่อเจ้าสาว และไล่ Gradient ให้เป็นโทนโฮโลแกรม โดยมีลูกบอลลูกใหญ่เป็นเสมือนดวงดาว พร้อมกับมีวงแหวนสีทองค่ะ มีโลโก้บ่าวสาวที่ทั้งคู่ดีไซน์เอง ส่วนดอกไม้ชนิดเดียวที่ใช้ประดับ คือ ดอกหน้าวัว ทางทีม Jeniva ลงดีเทลด้วยการพ่นสเปรย์สีเงินเหลือบม่วง ฟ้า ชมพู ทีละดอก เรียกว่าแฮนด์เมดทุกขั้นตอนเลยค่ะ
ส่วนโซนแกลเลอรี่บ่าวสาวไม่ได้เน้นมาก เพราะทั้งคู่ไม่ได้ถ่ายพรีเวดดิ้ง เลยใช้ฉากติดรูปแนวไลฟ์สไตล์ ตรงฐานประดับผ้าโปร่งสีโฮโลแกรม โดยมีจุดเด่นคือแท่นวางกระจกวงกลม ซึ่งเลเซอร์คำกลอนเกี่ยวกับการโคจรมาพบกันของดวงดาวเข้าไป ทำให้คอนเซ็ปต์ธีมงานล้อไปด้วยกันทั้งหมดค่ะ
ในห้องบอลรูม บนเวทีมีจอ LED อยู่แล้ว จึงทำฉากเน้นไปทางกาแลกซี่ ส่วนด้านล่างตกแต่งจำลองให้เหมือนเป็นพื้นผิวดาวดวงหนึ่ง ที่มีธรรมชาติแปลกตา โดยวางวัสดุรูปทรงฟรีฟอร์มให้เหมือนก้อนหิน ประดับด้วยใบหญ้าสีน้ำตาลและดอกหน้าวัวค่ะ จุดตัดเค้กก็ตกแต่งธีมเดียวกัน โดยตัวเค้กเลือกเป็นสีขาวเรียบ ๆ ติดชิ้นดวงดาวสีทอง ที่เหมือนกับโลโก้ค่ะ
บรรยากาศงานเรียบง่าย พิธีน้อย แต่กิจกรรมแน่น!
งานหมั้นตอนเช้าที่ไม่มีแห่ขันหมาก เริ่มด้วยครอบครัวของคุณเคเข้ามาในห้องเพื่อเจรจาสู่ขอ แล้วคุณเคก็ออกมารับตัวคุณมิ้นท์ ที่รออยู่บริเวณโถงทางเดินด้านหน้า จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้อง ทำพิธีปูเรียงสินสอด สวมแหวน ยกน้ำชา และรับไหว้ค่ะ ปิดท้ายด้วยจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการ บรรยากาศจะอบอุ่น มีเพียงครอบครัวและญาติสนิทราว 50 ท่านค่ะ
พอเสร็จพิธีเช้าแล้ว บ่าวสาวจะไปเปลี่ยนชุด เพื่อลงมางานฉลองช่วงเที่ยง ระหว่างนั้นแขกจะทยอยมา ก็จะเปิดกิจกรรมแต่ละโซนให้เล่นค่ะ ตั้งแต่สอยดาว ให้แขกได้จับฉลากรางวัล เช่น Voucher ร้านสุกี้ ร้านโยเกิร์ต เมล็ดกาแฟ Cold Brew ฯลฯ แล้วยังมีบูธดูดวงไพ่ทาโร่ต์ ซึ่งคัดแต่ไพ่ที่ความหมายดี ๆ มาให้ รวมถึงมีโฟโต้บูธไว้ถ่ายรูปเล่นด้วยค่ะ เสร็จแล้วถึงมาลงทะเบียนรับของชำร่วยเป็นเครื่องหอม และถ่ายรูปหน้าแบ็คดรอปค่ะ
เมื่อได้เวลา บ่าวสาวก็เปิดตัวเข้าไปในห้อง โดยจะแจกแหวนไฟวงเล็ก ๆ ให้แขกทุกคนได้โบกมือ ฟีลเหมือนงานคอนเสิร์ตเลยค่ะ พอขึ้นเวทีก็พูดคุยกันนิดหน่อยงานนี้ไม่มีประธานกล่าวอวยพร แต่มีเกมถาม-ตอบ ให้แขกสแกนเล่นบนจอ แต่ละคำถามก็จะทำให้รู้จักตัวตนของบ่าวสาวไปด้วย โดยคนที่ตอบถูกมากที่สุด 3 ท่าน จะได้ขึ้นมาอวยพรงานแต่งบนเวที ซึ่งไอเดียนี้เหมือนการกรองมาแล้วว่าต้องเป็นคนสนิทแน่ ๆ ถึงเล่นเกมผ่าน แล้วถึงมอบรางวัลเป็นกระเช้าของขวัญค่ะ
เสร็จจากการเล่นเกม ก็เข้าสู่ช่วงตัดเค้ก และโยนช่อดอกไม้ ทั้งคู่ไม่มี After Party ทำให้สามารถเก็บตกถ่ายรูปกับแขกทั้ง 350 ท่านได้เต็มที่ค่ะ ส่วนอาหารจัดเลี้ยงเป็นบุฟเฟ่ต์ไทย พร้อมเพิ่มซุ้มอาหารด้วย จบงานแล้วยังสัมผัสได้ว่าแขกทุกคน แม้แต่ผู้ใหญ่ ก็เอ็นจอยไปกับงาน บรรยากาศเป็นกันเอง สนุกสนาน อย่างที่บ่าวสาวต้องการเลยค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
อย่ายึดติดกับกรอบเดิม ๆ : งานของเรา อยากทำอะไรก็ทำเต็มที่ ตกแต่งตามที่ชอบ ออกนอกกรอบบ้างก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราจ้างทีมที่ Customize แล้ว หมายถึงงบประมาณนั้นสามารถสร้างอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา และทำให้เรากลายเป็น Reference ของคู่ต่อไปได้อีก
เลือกเวนเดอร์เจ้าไหนแล้ว ให้ไว้ใจ : ก่อนจะเลือกทีมงานใดก็ตาม ต้องศึกษาผลงานและดูรีวิวให้ดี เมื่อเลือกแล้ว ให้บ่าวสาวเชื่อใจในการทำงานของทีมนั้น จะทำให้ทุกอย่างออกมาดี
Photographer : Take Photography Wedding, 123bearly