Bliston Suwan Park View Hotel & Serviced Residence สถานที่แต่งงานไวบ์อบอุ่น ไฮไลท์ผนังกระจก พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้มค่า
ปากับบู้ (เจ้าบ่าว) เลือกดูโรงแรมจากการไปเดินงาน SabuyWedding Festival ที่พารากอนค่ะ เราตัดสินใจเลือก Bliston Suwan Park View Hotel & Serviced Residence (โรงแรม บลิสตัน สุวรรณ พาร์ควิว) เพราะตรงใจในหลายเหตุผล ทั้งสไตล์ของโรงแรมที่ดู Homey ไม่ทางการเกินไป โดยเฉพาะไฮไลท์ผนังกระจก ที่สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติและสวนด้านนอกได้ แพ็กเกจงานแต่งก็ราคาสมเหตุสมผล แถมรวมการตกแต่งไว้แล้วด้วย นอกจากนี้ยังมีคุณอ้อ เซลล์ที่ให้คำแนะนำดีมาก เต็มใจและพร้อมช่วยเหลือเราทุกเรื่องเลยค่ะ
แต่งแต้มธีมสีหวาน ผสานความมินิมอล
เพราะแพ็กเกจของโรงแรมรวมการตกแต่งไว้แล้ว งานของเราเลยได้พาร์ทเนอร์ฝีมือดีอย่าง SeeThrough Wedding มาช่วยดูแล ซึ่งดีตรงที่เราไม่ต้องเสียเวลาหาทีมตกแต่งเองเลยค่ะ แถมผลงานทีมนี้ก็สวยมาก ๆ ถูกใจเราอยู่แล้วด้วย
เราเลือกใช้ธีมสีเดียวกันมาตกแต่งทั้งงานหมั้นและงานฉลอง ซึ่งเป็นสีที่ปาชอบอย่างสีพีช ส้ม ชมพู ขาว และแซมด้วยสีเขียว โดยพื้นที่รับรองด้านนอกจะมี Welcome Signage แกลเลอรีบ่าวสาวที่วางภาพบนขาตั้งราว 5-6 ภาพ พร้อมตกแต่งดอกไม้ใต้ภาพค่ะ ส่วนแบ็คดรอปถ่ายภาพ เราอยากให้โทนงานดูมินิมอล ไม่ชอบความเยอะ จึงเลือกฉากสีขาวเรียบ ตกแต่งดอกไม้ทั้งสองฝั่งเป็นไลน์เฉียงลงมาบรรจบกันตรงกลางค่ะ
บริเวณผนังกระจกใสที่เป็นจุดทำพิธีหมั้น ทางโรงแรมจัดเป็นดอกไม้สดใส่แจกันวางเรียงกัน และประดับโลโก้บ่าวสาวค่ะ เราชอบมุมนี้เพราะดูน่ารักและอบอุ่นมาก ภายในงานยังมีโฟโต้บูธ และบูธไอศกรีมของทางโรงแรมด้วยค่ะ
ส่วนการตกแต่งภายในห้องบอลรูม เรายังคงความมินิมอลไว้ บนเวทีจึงมีเพียงผ้าม่านสีขาวซีทรูแต่งฉากหลัง โลโก้บ่าวสาว และ Flower Stand ค่ะ ที่เหลือก็ตกแต่งดอกไม้ตามโต๊ะกลมค่ะ
งานหมั้นเช้า-ฉลองเที่ยงสุดอบอุ่น น่ารักด้วยโมเมนต์หลากหลาย และเซอร์ไพรส์จากเจ้าบ่าว
พิธีการงานหมั้นของเรามีน้อยและเรียบง่ายมากค่ะ โชคดีที่ครอบครัวของเราไม่ซีเรียสเรื่องพิธีการ เลยทำให้ไม่รู้สึกกดดันค่ะ งานเราเริ่มต้นด้วยบู้และครอบครัวเจ้าบ่าวมาเจรจาสู่ขอกับทางฝั่งเจ้าสาว ในขณะที่ปาซ่อนตัวอยู่ เมื่อเรียบร้อยแล้ว บู้จะออกมารับตัวปาตรงระเบียงด้านนอก ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ของสถานที่ค่ะ
จากนั้นเราจะเดินกลับมายังจุดหมั้น เพื่อทำพิธีสวมแหวน และรับพรจากญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อจบพิธี จะเป็นช่วงถ่ายรูปรวมครอบครัวของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวค่ะ รวมถึงถ่ายกับเพื่อน ๆ ด้วยค่ะ
แม้เราจะจัดพิธีหมั้น-ฉลองต่อเนื่องกัน แต่ในช่วงงานหมั้น เราก็มีอาหารให้แขกได้ทานกันด้วย เป็นเมนูบะหมี่หมูแดงค่ะ
พอเข้าสู่งานเลี้ยงฉลองเที่ยง แขกจะมารับของชำร่วยเป็นสบู่ DIY ที่เราครีเอทลายเอง เป็นลายธรรมชาติ พวกปลาวาฬ ทะเล และพระจันทร์ค่ะ โดยแขกสามารถถ่ายโฟโต้บูธเล่นกัน และทานไอศกรีมไปพลาง ๆ ก่อนเริ่มพิธีได้ค่ะ
เมื่อเราลงมารับแขกและถ่ายภาพร่วมกันที่แบ็คดรอปเรียบร้อยแล้ว ภายในห้องจะเริ่มเปิดวิดีโอพรีเซนเทชั่น โดยบู้จะไปรออยู่ข้างในห้องค่ะ พอวิดีโอจบลง เพื่อนเจ้าบ่าวจะเป่าแซกโซโฟนในเพลง A Thousand Years ของ Christina Perri แล้วปาจะเดินเปิดตัวเข้าไปในห้องพร้อมคุณพ่อ เพื่อไปเจอเจ้าบ่าวที่รอรับอยู่กลางห้องค่ะ
จากนั้นเมื่อเราเดินขึ้นเวทีด้วยกัน พิธีกรซึ่งเป็นเพื่อนและรุ่นน้องของเรา จะเชิญประธานฝั่งเจ้าบ่าวขึ้นก่อน ตามด้วยประธานฝั่งเจ้าสาว และปิดท้ายด้วยประธานร่วมซึ่งเป็นหัวหน้างานของเราทั้งคู่ เนื่องจากเราสองคนทำงานที่เดียวกันค่ะ จบแล้วพิธีกรจะสัมภาษณ์บ่าวสาว และให้เราพูดความในใจต่อกันค่ะ
งานของเรามีการเล่นเกมตอบคำถามเกี่ยวกับเราสองคนด้วยค่ะ ชื่อเกม Slido ตอนที่ประกาศผลคะแนน เราทึ่งตรงที่ผู้ชนะทั้ง 3 ท่าน ซึ่งเป็นญาติฝั่งเจ้าบ่าว หัวหน้าปา แล้วก็เพื่อนสมัยมหาลัย ตอบถูกหมดทุกข้อเลยค่ะ เก่งกันมาก ๆ
หลังจากเรามอบรางวัลให้ผู้ชนะทั้ง 3 ท่าน จะเข้าสู่ช่วงหลักอย่างการรินแชมเปญทาวเวอร์ เมื่อจบคิวนี้ บู้ก็เซอร์ไพรส์ปากลางงานด้วยการร้องเพลงให้ ทั้งแขกและพิธีกรต่างก็ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยค่ะ มีแค่คนคุมเครื่องเสียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ก็เลยกลายเป็นโมเมนต์ซึ้ง ๆ หวาน ๆ ที่ปาไม่คิดว่าเขาจะแอบทำให้ หลังบู้ร้องเพลงจบ ทั้งแขกและพ่อแม่เจ้าบ่าวต่างชมใหญ่ ว่าบู้ร้องเพลงเพราะมากค่ะ
ในงานวันนั้นยังมีโมเมนต์น่ารัก ๆ อีกช่วง คือตอนก่อนจะดึงริบบิ้นช่อดอกไม้ พิธีกรร้องไห้หนักเลยค่ะ เขาคงซาบซึ้งที่เห็นเรามีวันนี้ เพราะเขารู้เรื่องราวความรักของเรามาโดยตลอด ตั้งแต่จีบกันจนกระทั่งแต่งงาน กลายเป็นว่าทิชชูที่พิธีกรเตรียมไว้ให้บ่าวสาว กลับเป็นบ่าวสาวต้องเอาทิชชูให้พิธีกรแทนค่ะ
พอถึงคิวดึงริบบิ้นช่อดอกไม้ ก็เป็นอีกโมเมนต์น่ารักปนความบังเอิญ เพราะน้องที่ได้รับดอกไม้กำลังจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เราได้ไปทานข้าวกับน้อง และยังแซวอยู่เลยว่าเดี๋ยวล็อกมงให้ พอถึงวันจริงยังไม่ทันได้ล็อกมง น้องเขาได้รับช่อดอกไม้พอดีเลยค่ะ เรียกว่าวันงานมีแต่โมเมนต์ที่น่าจดจำค่ะ
แม้จบพิธีการแล้ว แต่แขกยังเพลิดเพลินต่อกับอาหารบุฟเฟ่ต์และเครื่องดื่มค่ะ เราเน้นเมนูอาหารฝรั่งเป็นส่วนมาก เช่น ลาซานญ่า ซุปผักโขม ปีกไก่ทอดตะไคร้ ฯลฯ ซึ่งแขกชมว่าลาซานญ่า ขนมไทย และเบเกอรี่อร่อยค่ะ ถึงเราจะไม่ได้ทานอาหารในวันงาน แต่วันที่ไปฟู้ดเทสติ้ง แม้มีการปรับรสชาติอาหารบ้าง แต่ส่วนตัวมองว่าอาหารอร่อยเกินมาตรฐานโรงแรมอีกค่ะ ที่สำคัญคือทางคุณอ้อยังแถมซุ้มก๋วยเตี๋ยวน้ำใสและต้มยำให้เราด้วยค่ะ
บ่าวสาวซาบซึ้ง สถานที่แต่งงานตรงใจ ในงานมีแต่ความทรงจำที่ดี
งานของเรามีแต่แขกที่เรารู้จักและสนิทกันจริง ๆ บรรยากาศในงานจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้มค่ะ ยิ่งพอเห็นแขกทุกคนมาด้วยความตั้งใจ และเพื่อนบางคนที่มาช่วยงานเราด้วยใจ เป็นอะไรที่ตื้นตันใจมากค่ะ และปาก็ยังประทับใจตอนที่เจ้าบ่าวร้องเพลงเซอร์ไพรส์ให้ด้วย ทำให้เรามีแต่ความทรงจำดี ๆ ในวันงานแต่งของเราค่ะ
นอกจากนี้ เรายังประทับใจโรงแรมมากค่ะ ตั้งแต่สไตล์การตกแต่งห้องจัดงานและโถงรับรองผนังกระจกวิวสวน ทำให้งานมีความ Homey อย่างที่อยากได้ค่ะ พนักงานก็มี Service Mind ดี และที่ขาดไม่ได้คือคุณอ้อ ที่ประสานงานได้ดี ช่วยดูแลหลาย ๆ อย่าง แม้งานเราจะไม่มีออแกไนซ์ แต่คุณอ้อก็ช่วยแก้ไขปัญหาและปรับเปลี่ยนให้โดยไม่มีอิดออด เรารู้สึกสบายใจมากที่ได้จัดงานที่นี่ค่ะ
ทีมตกแต่งพาร์ทเนอร์อย่าง SeeThrough ก็ใส่ใจและตั้งใจบริการเต็มที่ เราจัดงานแต่งตรงกับวันอาทิตย์ แล้วเขามีอีกงานที่ต้องดูแลในวันเสาร์ จึงมาตกแต่งงานเราในคืนวันเสาร์และเสร็จประมาณตี 2 ซึ่งทางทีมก็ให้เฮดมาตรวจงานแทนปาและรอสแตนบายจนถึงตีห้า พอเราลงมาดูก็ไม่ติดปัญหาอะไร มืออาชีพมาก ๆ ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
คุยกับครอบครัวให้เคลียร์ : หลังจากบ่าวสาวตกลงกันชัดเจนแล้วว่าอยากได้งานแต่งแบบไหน ให้นำภาพงานแต่งไปคุยกับครอบครัว เพื่อสอบถามว่ามีอะไรที่ท่านอยากได้เพิ่มหรือเปล่า เคร่งเรื่องพิธีหรือไม่ การพูดคุยกับครอบครัวก่อนเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะสร้างความสบายใจให้แก่ทุกฝ่ายค่ะ
แบ่งหน้าที่กันอย่างเหมาะสม : ในช่วงเตรียมงาน อยากให้บ่าวสาวแบ่งหน้าที่การทำงานกันตามความเหมาะสม หรือตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคู่ เพื่อไม่ให้งานโหลดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป คอยคุยและอัปเดตงานกันให้เยอะ เพราะจะช่วยทำให้เราเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน และไม่เกิดการทะเลาะกันภายหลัง
จับมือกันไว้ และรู้จักปล่อยวาง : ไม่ว่าวันงานจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น หรือมีบางอย่างไม่เป็นไปตามคาดหวัง อยากให้บ่าวสาวให้กำลังใจกันและกัน ไม่โทษกัน และปล่อยวาง ไม่ไปยึดติดกับผลที่ไม่เป็นดั่งใจ ให้เลือกโฟกัสความรู้สึกแขก หรือเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในงานดีกว่า
ผลงานถูกใจ และต้องถูกชะตา : ส่วนตัวเรามีเกณฑ์การเลือกทีมงานจากการดูรีวิวผลงาน และการพูดคุยกับทีมนั้น ๆ โดยใช้เซนส์ดูว่ารู้สึกถูกชะตาไหม สบายใจหรือเปล่า และมั่นใจว่าเขาจะทำให้งานเราออกมาดีหรือไม่