Bangkok Marriott Hotel The Surawongse สถานที่สวยร่วมสมัย มาพร้อมห้องจัดเลี้ยงเพดานสูง
บุ๋มกับฮัท (เจ้าบ่าว) เลือกจัดงานที่โรงแรม Bangkok Marriott Hotel The Surawongse (โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์) เพราะเราอยากได้ห้องบอลรูมที่ตั้งอยู่ชั้น 1 ในการอำนวยความสะดวกให้แขกสูงอายุและแขกที่ต้องนั่งวีลแชร์สามารถตรงเข้ามายังห้องจัดงานได้เลยโดยไม่ต้องขึ้นลิฟต์ค่ะ นอกจากนี้ ห้องบอลรูมของที่นี่ยังมีเพดานสูง ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ตรงใจเรามากค่ะ
ตกแต่งอย่างมีดีไซน์ ด้วยไอเดียสุดปังจากทีมตกแต่งสุดโปรด
เนื่องด้วยเราจัดงานหมั้นและงานเลี้ยงฉลองเที่ยงที่ห้อง The Surawongse Ballroom การตกแต่งในส่วนของโถงทางเดินและบนเวทีจึงเหมือนกันในทั้ง 2 พิธีค่ะ หลังจากที่ทีมตกแต่ง รับบรีฟของเราไปแล้ว เขาสามารถเนรมิตงานแต่งออกมาได้สวยถูกใจซึ่งมีส่วนสำคัญ 3 จุดด้วยกัน คือ ป้าย Signage ที่มีประดับพุ่มดอกไม้ เราปรึกษากับทีมตกแต่งให้พุ่มนี้สามารถเคลื่อนย้ายและนำไปใช้ตรงจุดรับตัวเจ้าสาวในพิธีหมั้นช่วงเช้าได้ค่ะ เสร็จพิธีแล้วจึงกลับมาวางข้างป้าย Signage สำหรับงานเที่ยงเหมือนเดิม
สำหรับแบ็คดรอปถ่ายภาพ เราเน้นความเป็นพุ่ม โดยฉากหลังของการตกแต่งยังคงไปในทางเดียวกันกับเวทีด้านในห้องบอลรูมค่ะ เราเลือกใช้สีม่วงกับเขียวอ่อนเป็นหลัก แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นพุ่มดอกไม้ไว้ และด้วยความที่ห้องบอลรูมเพดานสูง เราจึงสามารถออกแบบฉากให้มีความสูงได้ตามชอบใจ ทำให้ฉากนี้ ดูอลังการและสวยงามมาก ๆ ค่ะ
พิธีการหลากอารมณ์ ‘อบอุ่น’ ‘สังสรรค์’ และ ‘ซาบซึ้ง’
สำหรับพิธีหมั้นช่วงเช้า เราจัดแบบจีนค่ะ เริ่มด้วยการแห่ขันหมาก กั้นประตูเงินประตูทอง เจรจาสู่ขอกับทางผู้ใหญ่แล้วเดินมารับตัวบุ๋มที่นั่งรออยู่ที่ The Garden เพื่อกลับมาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ ยกน้ำชาก็เป็นอันเสร็จพิธีหมั้นค่ะ โดยช่วงเช้าเรามีเมนูคอฟฟี่เบรกไว้รองรับแขกค่ะ
สำหรับงานเลี้ยงฉลอง เราเชิญแขกประมาณ 260 ท่าน ซึ่งของชำร่วยที่เราสองคนตั้งใจมอบให้กับแขกในงานมีด้วยกัน 2 แบบ คือ หนังสือ "สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง" ที่บุ๋มเขียน ภายใต้นามปากกาว่า "Whenimfeeeling" และ สเปรย์แอลกอฮอล์ ที่บุ๋มออกแบบลายการ์ตูนบนขวดเองเช่นกันค่ะ
ในส่วนของกำหนดการงานเลี้ยงฉลอง พอแขกเริ่มทยอยเข้าไปในงาน ทางเราจะมีวิดีโอที่เปิดให้แขกชมได้เรื่อย ๆ ค่ะ และพอใกล้ถึงเวลาที่บุ๋มจะเดินเข้าไป เราจะเปิด presentation Q&A บ่าว-สาวให้แขกทุกท่านรับชม จนกระทั่งช่วงเปิดตัว บุ๋มจะเดินเข้างานพร้อมคุณแม่ ระหว่างนั้นฮัทจะเดินมารับบุ๋มเดินขึ้นเวทีพร้อมกันค่ะ โดยเราตั้งใจจัดส่วนเวทีเป็นแบบเวสเทิร์นที่มีโต๊ะอาหารสำหรับบ่าวสาวบนเวที เพื่อรับประทานอาหารไปพร้อมกันกับแขก อีกทั้ง เราตั้งใจให้บรรยากาศในงานออกมาเป็นกันเองและอบอุ่นที่สุด ดังนั้น ในช่วงที่บ่าวสาวรับประทานอาหาร เราจึงให้เพื่อน ๆ ของเราทั้งสองฝั่งมาพูด Speech ซึ่งเพื่อน ๆ ทำเราซาบซึ้งสุด ๆ เลยค่ะ
ถัดไปถึงคิวบุ๋มกับฮัทพูดความในใจถึงกันและกัน ส่วนทำเราเสียน้ำตากันไปเป็นลิตร ๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) หลังจากจบพิธีการทุกอย่างบนเวที ก็มาถึงช่วงสุดท้ายของงาน คือ พิธีตัดเค้ก และช่วงที่สาว ๆ ทุกคนรอคอย คือการดึงริบบิ้นช่อดอกไม้ค่ะ ต้องบอกว่า บรรยากาศในงานวันนั้นสนุกสนานมาก ทุกคนตื่นเต้นและเอ็นจอยกันสุด ๆ ค่ะ
ในส่วนของการจัดโต๊ะอาหาร เราเลือกจัดเป็นแบบโต๊ะกลมสำหรับ 6-8 ที่นั่งต่อโต๊ะ เพื่อให้แขกนั่งสบาย ลุกเดินได้สะดวก โดยเลือกจัดเลี้ยงแบบ Individual serve 6 คอร์สเมนู ประกอบด้วย กระเพาะปลาผัดแห้ง เป็ดปักกิ่งม้วนพร้อมหมูกรอบและซอสฮอยชิน ซุปเสฉวนทะเล กุ้งแม่น้ำผัดซอสใบชาอู่หลง ข้าวผัดหยางโจว และ สาลี่ตุ๋นชาเก๊กฮวย เสิร์ฟพร้อมรังนกและวุ้นว่านหางจระเข้ โดยเหตุผลที่เราเลือกเป็น Individual serve เพราะสถานการณ์ตอนนี้ ยังคงอยู่ในยุคของโควิด-19 เราจึงต้องเน้นความปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ อีกทั้ง เราสองคนต้องการให้แขกที่มาร่วมงาน รู้สึกได้ความเป็นส่วนตัวในการทานอาหารและอิ่มท้องไปพร้อม ๆ กัน จึงมองว่าอาหารรูปแบบนี้ตอบโจทย์ที่สุด ซึ่งฟีดแบ็คของรสชาติอาหารจากแขกก็ดีมาก ๆ เลยค่ะ
บรรยากาศอบอุ่น ทุกฝ่ายแฮปปี้
เราชอบบรรยากาศในงานที่อบอุ่นเป็นกันเองมากค่ะ เราคิดถูกมากที่เลือกที่นี่ในการจัดงานแต่ง เพราะเซลล์ดูแลและให้คำปรึกษาเราดีมาก ๆ พนักงานทำงานกันว่องไว ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น กรณีคุณพ่อของบุ๋ม ท่านนั่งวีลแชร์และใส่กางเกงขาสั้นมาร่วมงาน เราจึงอยากหาผ้ามาคลุม ทางพนักงานโรงแรมก็ช่วยเหลือจัดการหามาให้ เรารู้สึกปลื้มใจที่ทีมงานทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อเรามาก ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายจริง ๆ ค่ะ
คำแนะนำบ่าว-สาว
ให้เวลากับงานแต่งเยอะ ๆ : การมีเวลาเตรียมงานจะส่งผลต่อการเลือกของที่ดีและถูกใจ เพราะเราจะมีเวลาไปสำรวจในสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่ หากสนใจอะไรแม้เล็กน้อยก็ควรไปดูด้วยตัวเอง ดูให้เยอะแล้วค่อยตัดออกได้ เพื่อสุดท้ายเราจะไม่เกิดความคาใจค่ะ
หนักแน่นในสิ่งที่ตัวเองเลือก : อย่าให้ใครมาโน้มน้าว ทำให้เราลังเล หรือเปลี่ยนใจจากสิ่งที่เราชอบได้ ให้เรายึดถือความชอบของคู่เราเป็นหลัก เลือกในสิ่งที่ตัวเองพอใจ ให้งานวันนั้นออกมาเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ตัดสินใจเอง และชอบที่สุด เพราะความรู้สึกและภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานวันนั้น มันจะอยู่กับเราไปตลอดค่ะ
ช่วงทำพิธีหมั้น เจ้าบ่าวควรมีเบาะรองนั่ง : แน่นอนว่า ช่วงงานหมั้น บางพิธีเจ้าบ่าวต้องนั่งพับเพียบนาน ๆ จนเกิดอาการเหน็บชาได้ ฉะนั้น ควรมีเบาะรองนั่งมารองขาจะช่วยให้เรานั่งท่าเดิมได้นานและสบายขึ้น
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันงาน บอกตัวเองว่า "ช่างมัน" : พอถึงวันแต่งงาน เป็นปกติมาก ๆ ที่บ่าวสาวจะรู้สึกกังวล กังวลว่างานจะออกมาดีไหม จะเป็นไปตามที่คิดไว้หรือเปล่า แต่อะไรก็ตามที่เหนือการควบคุมของเรา ให้บอกตัวเองว่า "ช่างมัน" เพราะเราทำเต็มที่และดีที่สุดแล้ว ดังนั้น เอ็นจอยและมีความสุขกับทุกโมเมนต์ที่เกิดขึ้นในวันงานให้เต็มที่