Capella Bangkok สถานที่แต่งงานอบอุ่น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
โบว์ประทับใจ Capella Bangkok (คาเพลลา กรุงเทพ) อยู่ 3 เรื่องค่ะ อันดับแรกคือโบว์กับแฟนชอบบรรยากาศของโรงแรมที่อยู่ริมน้ำ ผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งมันตอบโจทย์เราสองคนที่อยากให้งานแต่งออกมาอบอุ่น
อันดับสองคือห้องจัดเลี้ยงสวย โดยตัวห้องเป็นแนวยาว ผนังติดกระจกบานใหญ่เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มที่ แถมมีมีกิมมิคบนเพดานเก๋ๆ เป็นแชนเดอเลียร์รูปผีเสื้อ โบว์รู้สึกว่ามันสวยแปลกตา และดูเข้ากันกับงานของโบว์ดีค่ะ
อันดับสุดท้ายคือเซลล์ของโรงแรม ที่คอยดูแลเอาใจใส่เราตั้งแต่วันแรกที่ Walk in เข้าไปแม้เราจะยังไม่ได้คอมมิทก็ตาม เรียกว่าตั้งแต่เริ่มเตรียมงานจนหลังจากจบงานไปแล้วก็ยังประทับใจอยู่ เป็นความทรงจำที่ดีมากเลยค่ะ
ตอนแรกโบว์ตั้งใจไว้ว่าจะเชิญแขกประมาณ 500-600 คน แต่เพราะเป็นช่วงโควิด เลยลดจำนวนแขกลงมาประมาณ 470 คนค่ะ ส่วนใหญ่เรารู้ไทม์ไลน์แขกอยู่แล้วว่ามีที่มาที่ไปยังไงเพราะมีแต่คนสนิท ถ้าแขกมาจากกลุ่มเสี่ยงไม่สามารถมาร่วมงานได้ ก็ยินดีกับเราผ่านทางโซเชียลได้ค่ะ
ในเรื่องความปลอดภัยโบว์ไม่กังวลเลย เพราะทางสถานที่มีมาตรการกับข้อกำหนด Social Distancing อยู่แล้ว แขกใส่หน้ากาก ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน จัดโต๊ะ 1 ตัวให้นั่ง 7 คน และพนักงานก็ใส่ Face Shield เวลาตักหรือเสิร์ฟอาหารให้แขก ทางสถานที่ค่อนข้าง Adjust ได้อย่างรวดเร็วให้เข้ากับสถานการณ์ ทำให้ทุกอย่างออกมาสมูธมากค่ะ
ธีมสีอบอุ่นเป็นธรรมชาติ
โบว์อยากให้แขกที่เข้ามาในงานเรารู้สึกอบอุ่น เลยบอกทีมตกแต่งไปว่าอยากได้สีโทนน้ำตาล-เบส แต่พอไปเห็นห้องจัดเลี้ยงจริงมันค่อนข้างเป็นโทนนี้อยู่แล้ว โบว์เลยให้ทีมตกแต่งเลือกสีใหม่ที่มันไม่กลืนไปกับห้อง จึงสรุปออกมาได้เป็นสีโทนเขียวธรรมชาติสลับกับขาว ตัดกับสีของดอกไม้ค่ะ
คู่ของโบว์ค่อนข้างยากกว่าคู่อื่น เพราะเราอยู่ต่างประเทศเลยเลือกใช้ Wedding Planner ค่ะ คุยกับแพลนเนอร์แค่ผ่านทางแชทกับวิดีโอคอล แต่ไม่ได้ติดขัดอะไรเลย โบว์โชคดีที่มีแพลนเนอร์เก่ง เขาทำให้งานโบว์ออกมาเหมือนฝันจริงๆ ช่วยแก้ปัญหาได้ดี ทั้งช่วงระหว่างเตรียมงานและหน้างาน แพลนเนอร์เขาพูดกับโบว์ประโยคนึงว่า "ถ้าโบว์จ้างเขาแล้ว โบว์ต้องไม่เครียด" ซึ่งทำให้โบว์ประทับใจมากค่ะ
เพราะแม้เรามั่นใจว่าสุดท้ายงานจะออกมาดี แต่สถานการณ์ที่คอนโทรลไม่ได้อย่างโควิด จะไม่ให้เครียดเลยก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งแพลนเนอร์ทำให้โบว์รู้สึกว่ามันเบาไปได้เยอะ เพราะเขามีประสบการณ์มานานค่ะ
พิธีการอบอุ่นกึ่ง Formal
โบว์ทำ Presentation ไว้ 2 คลิป ตัวแรกเป็นวิดีโอพิธีงานหมั้นที่บ้านของเรา มีแค่ครอบครัว ไม่ได้เชิญใครมาเยอะ หลายๆ คนไม่ได้อยู่ร่วมในพิธีงานหมั้นก็เลยเอามาเปิดให้แขกดูค่ะ
จบคลิปก็เริ่มพิธีโดยเปิดตัวเจ้าสาวมาพร้อมคุณพ่อ ส่งตัวให้เจ้าบ่าวแล้วเดินเข้างาน ขณะนั้นก็ฉาย Presentation คลิปที่ 2 เป็นสตอรี่ว่าเราเจอกันได้ยังไงที่อังกฤษ หลังจากนั้นก็ดำเนินพิธีการตามปกติทั่วไปเลยค่ะ
พิธีการงานของโบว์ทำแบบกึ่ง Formal และไม่ Formal เราจะตัดอะไรที่ค่อนข้างทางการมากๆ ออก เพราะอยากให้งานเป็นธรรมชาติ จึงไม่เอาประธานในพิธีที่ไม่รู้จักหรือสนิทกับเรา โดยให้คุณพ่อของเราสองคนขึ้นมากล่าวคำอวยพร เป็นซีนที่เรียกทั้งน้ำตากับเสียงหัวเราะจากแขกได้ดีมากๆ เลยค่ะ
After Party วงดนตรีสุดมันส์!
งาน After Party ต้องชมวงดนตรีเลยค่ะ เพราะเขาเอนเตอร์เทนแขกได้ดีสุดๆ เราสองคนเลือกแนวเพลงที่ชอบให้เป็นร้อยเพลงเลย ซึ่งทีมวงดนตรีก็เอาแนวเพลงที่เราเลือกไปคัดอีกที และดูหน้างานว่าทุกคนอยู่ใน Mood ไหน มีแขกหลายคนเดินมาบอกโบว์ว่านี่เป็น After Party ที่มันส์ที่สุดเลยค่ะ
เมื่อมันอยู่ใน Mood ที่ถูกต้องก็จะ Cheer up แขกได้ดี ซึ่งโบว์ว่านี่คือหัวใจของปาร์ตี้เลย พอทุกคนเอนจอยโบว์ก็รู้สึกประทับใจไปด้วย อีกเรื่องที่น่ารักคือช่วงที่เพื่อนเต้นเหนื่อยๆ แล้วหิว ก็พากันมาทานเค้กแต่งงาน เพราะทานได้จริงทุกชั้น แถมอร่อยด้วยค่ะ (หัวเราะ)
ความประทับใจในงาน ทุกอย่างที่แพลนมาเรา Expect ในทุกๆ โมเม้นต์ เลยมองว่ามันดีทั้งหมดเลยค่ะ โดยเฉพาะตรงความรู้สึก เป็นวันที่คนที่เรารักมาแสดงความยินดีกับเรา ซึ่งมันมีความหมายกับเรามากเลยค่ะ
Photo : Sixtysix Visual
คำแนะนำบ่าวสาว
ทีมเวิร์คของคนสองคน : บ่าวสาวที่จะแต่งงานแต่อยู่ต่างประเทศ โบว์คิดว่าการวางแพลนมันอยู่ที่ความเป็นทีมเวิร์คระหว่างคนสองคน ควรคุยกันบ่อยๆ แล้วแบ่งหน้าที่ให้เหมาะสมค่ะ อย่างแฟนของโบว์เขาชอบรีเสิร์จหาข้อมูลต่างๆ ซึ่งมันเป็นงานที่โบว์ไม่ชอบ (หัวเราะ) ในขณะเดียวกันแฟนโบว์ก็จะไม่ตัดสินใจแบบฟันธง แต่ให้เราเป็นคนตัดสินใจ เช่น เขาดูช่างภาพมา 3 เจ้าแล้วให้เราเลือกค่ะ ที่สำคัญครอบครัวคอยซัพพอร์ตเราสองคนอยู่เสมอ อย่างเรื่องการ์ดแต่งงาน ถ้าเราดูในโทรศัพท์มันจะเป็นอีกสีนึงที่อาจไม่ตรงกับสีจริงๆ โบว์ก็ให้น้องที่อยู่ไทยไปช่วยดูให้ค่ะ
ประคองสติกันและกัน : โบว์ว่าเรื่องที่ทุกๆ คู่ต้องเจอคือความเห็นไม่ตรงกัน อย่างเดียวที่จะทำให้ผ่านไปได้คือต้องมีคนนึงที่คอยประคองสติกันและกัน ถ้ามันผ่านมาได้ก็จะเป็นอีก Challenge ที่แต่ละคู่จะได้เจอ ซึ่งโบว์มันเป็นบททดสอบในชีวิตที่ดี ว่าเรารักและเข้าใจกันมากขนาดไหนค่ะ